Single Blog Title

This is a single blog caption
8 มิ.ย.

พาตะลุย ถนนพระอาทิตย์ ภายใน 1 วัน (ฉบับย่อของกินล้วน ๆ )

ว่าง ว่าง ว่าง…. เวลาว่างช่างมีน้อยนิด ฮ่าๆๆๆ งานนี้เอาใจคนที่มีเวลาว่างอันน้อยนิดอย่างเราๆ จะออกต่างจังหวัดก็ยาก จะไม่ไปไหนเลยก็ไม่ได้ !!! ผิดคอนเซ็ปต์สายเที่ยวหมด หลังจากนั่งพินิจพิจารณากับคุณเพื่อนแล้ว ก็ตกลงกันได้ว่า…ไปเดินถ่ายรูปเล่นชิคๆ แถว ” ถนนพระอาทิตย์ “ กันดีกว่าเพราะของกินก็เยอะดีด้วย…..ก่อนไปก็หาข้อมูลมาพอสมควรเจอร้านนึงชื่อร้าน “โรงน้ำชามิตรามิตร” เราก็สอบถามข้อมูลกับทางร้านว่าร้านเปิดวันไหนอะไรยังไงวางแผนกันเรียบร้อย แล้วก็ออกเดินทางกันเล๊ยยยยยย

ระหว่างเดินทางมาที่ “ถนนพระอาทิตย์” เราก็ได้ทำการเสิร์ชหาข้อมูลด้วย 4G ความเร็วสูงสุดในประเทศไทยได้ความว่า…ร้านที่เด้งขึ้นมาติดอันดับมีอยู่ไม่น้อยเลยแต่เราก็คัดเลือกผู้เข้ารอบมาได้ประมาณ 5 ร้านด้วยกันwink จะเก็บร้านครบมั้ยเดี๋ยวต้องตามมาดูกันค่ะ ฮ่าๆๆๆ

          หลังจากถึงก็ตั้งใจว่าจะไปร้าน โรงน้ำชาเป็นร้านแรกปรากฏว่า….มาถึงร้านก็ตามหาร้านไม่เจอ เปิด Map นำทางก็บอกว่าถึงที่หมายแล้ว…เราเลยลองเดินไปถามคุณลุงเจ้าของร้านเย็นตาโฟที่อยู่ติดกันดูว่าร้านโรงน้ำชาอยู่ตรงไหน?

เรา : คุณลุงคะรู้จักร้าน “โรงน้ำชามิตรามิตร” มั้ยคะ?

คุณลุง : นี่ไงร้านติดกันนี่ไง แต่เค้าไม่เปิดมาหลายวันแล้วนิ เนี่ยเมื่อเช้าไฟฟ้าเพิ่งมาตัดหม้อแปลงไฟฟ้าไป สงสัยเค้าจะปิดถาวรแล้วมั้ง…

เรายืนทำหน้างงใส่เพื่อน ฮ่าๆๆ ร้านปิด!!!! 
คุณลุง : มาๆ อย่างเพิ่งงง มาพักเหนื่อยกินเย็นตาโฟ กินน้ำเย็นร้านลุงก่อน มาๆ

เรามองหน้ากับคุณเพื่อน อะๆ แวะกินเย็นตาโฟวางแผนกันก่อนจะเอาไงต่อ

ร้าน “พัวกี่” ร้านนี้ก็ถือว่าติดอันดับในการค้นหาหลายๆ คนต้องแวะเมื่อมาถึงถนนพระอาทิตย์ 

นั่งกินไปสักพักคุณลุงเจ้าของก็เดินมาคุยด้วย คุยไปคุยมาคุณลุงก็บอกว่า “อ้าว นั่นไง อาจารย์เจ้าของร้านน้ำชาเค้ามาแล้ว” เราก็ดีใจกันใหญ่จนกะจะลุกจากที่นี่ไปนั่งต่อร้านน้ำชาเลย แต่…!!! ลืมคิดไปเนอะว่าที่ร้านโดนตัดไปแล้วต้องรอเค้ามาต่อให้อีก ฮ่าๆ นี่ตั้งใจมาร้าน “โรงน้ำชามิตรามิตร” นานแค่ไหนชั้นก็จะรอออออออ

   แต่ระหว่างรอร้านน้ำชาเปิด เราก็ไปเดินเล่นกะว่าเดินตามหาร้านที่คัดเรื่องมา ถามทางคุณลุงเรียบร้อยก็ออกเดินทางกันโลดดด ร้านแรกที่เราเลือกคือ “ขนมเบื้องแม่ประภา” และอีกที่คือร้าน “ปาท่องโก๋” ก่อนออกมาคุณลุกบอกมาออกจากร้านไปทางขวามือ ตรงไปอย่างอย่างเดียวเลยไม่ไกลๆ เดินออกมาสักพักไม่ถึงสักที

เรา : จ้าาาาคุณลุง…ไหนบอกไม่ไกลไงหนูเดินจนเหงื่อท่วมแล้วเนี่ยยยย

คุณเพื่อน : เฮ้ยมันอาจจะไม่ไกลสำหรับคนแถวนี้ แต่สำหรับเราโคตรไกลเลยอะ 5555+

  เดิมๆ บ่นๆ มาสักพักเย้ !!ถึงแล้ววววร้าน “ขนมเบื้องแม่ประภา” ที่ร้านมีไส้เค็มกับไส้หวาน ราคาชิ้นละ 12฿ เราเลยสั่งมาอย่างละ 2 ชิ้น

 สำหรับขนมเบื้อง…ส่วนตัวชอบกินขนมเบื้องไส้หวานมากๆ อยู่แล้วพอมาเจอไส้หวานร้านนี้ โอ้โหหหหห ติดใจอย่างแรง55555+ ชิ้นละ 12฿ ถามว่าแพงมั้ย? ก็แพงนะถ้าเทียบกับขนมเบื้องทั้วๆ ไปแต่ที่นี้ชิ้นใหญ่และให้ไส้แบบเต็มๆ มากกกก เอาเป็นว่าถูกใจๆ ชั้นรักไส้หวานheart แต่ถ้าจะพูดถึงไส้เค็มส่วนตัวไม่ค่อยชอบอยู่แล้ว ที่ร้านนี้เมื่อตอนชิมๆ ดูรสชาติออกจะคล้ายๆ กินห่อหมก(ความคิดเห็นส่วนตัว) ไม่ค่อยโอเคเท่าไร แต่ก็อยากให้ไปลองดูนะคะ หลายคนอาจะชอบก็ได้wink 

กินขนมเบื้องเสร็จก็ได้เวลา เดิน เดิน เดิน ต่อไปค่ะ ไปตามหาร้านปลาท่องโก๋กันต่อเด้ออออ…..

 อะ อะ อะ ก็ตึกมันมีความคูลลลลล แวะถ่ายรูปกันก่อน (ขอบคุณภาพจากเหยื่อผู้โชคร้ายที่เดินผ่านมา) หลังจากแวะถ่ายภาพท่ามกลางแสงแดดได้หนึ่งอัลบั้ม!!! ก็เดินกันต่อเลยค่ะ

ไม่มีอะไรมากแค่อยากได้ฟิวข้ามถนน เลยให้เพื่อนเดินข้ามไปอีกฝั่ง5555+

มาถึงแล้วจ้าาาาา ร้าน”ปาท่องโก๋” ไม่ต้องลีลามาก ดูเมนูแล้วสั่งเลยเด้ออออ

เมนูร้าน”ปาท่องโก๋”

เลือกสั่งเมนู “ปาท่องโก๋ ไอศกรีม”

สำหรับเมนูที่เลือกสั่งมาลอง ปาท่องโก๋ไอศกรีม เลือกไอศกรีมเองได้ด้วยจ้าเราเลือกเป็นเบอร์รี่น้ำผึ้ง ที่นี้เป็นไอศกรีมโฮมเมดนะคะ รสชาติส่วนตัวเลยนะคิดว่าปาท่องโก๋รสชาติทั่วไปค่ะ แต่ชอบไอศกรีมมาก ออกหวานๆ เปรี้ยวๆ แก้ร้อนได้ดีมากlaugh แต่เค้าไม่ชอบที่ราดช็อคโกแลตมาเยอะเกินไปมันเลี่ยนๆ 55555+

หลังจากกินเสร็จก็เกือบๆ 4 โมงเย็นได้ และเราก็ยังไม่ลืมร้านโรงน้ำชานะคะ ไฟน่าจะมาได้แล้วละมั้งงงง เลยเดินกลับไปที่ร้านอีกรอบ

ร้านนี้ขนมปังสังขยา น่าทานมากๆ เสียดายไม่ได้แวะ คราวหน้าต้องกลับมาจัด

แท่นแท๊นนนนนนน เดินกลับมาถึงร้านเปิดพอดีเลยจ้าาาา อย่ารอช้าขอเข้าไปรับแอร์เย็นๆ หน่อย555555+

บรรยากาศร้านเป็นไงหรอ? แว๊บแรกที่เห็นคิดในใจ เออแปลกดีไม่เคยนั่งร้านที่ตกแต่งแบบนี้เลย จะให้อารมณ์เหมือนหลุดไปอยู่ในประเทศจีนยุคเก่าๆ หน่อยlaugh อ่อลืมบอกไปค่ะที่นี่ชาทุกตัวที่เสิร์ฟเป็นชาจีน มาพร้อมกับขนมเป็นเครื่องเคียง ราคาเริ่มต้นน่าจะประมาณ 150฿ ขึ้นไป ราคาขึ้นอยู่กับเกรดของชาแต่ละชนิดด้วยนะคะ

พอเข้าไปนั่งในร้านเจ้าของร้านก็แนะนำชาตัวนึงคือ “มิลล์อู่หลง” ด้วยความงงเลยถามเจ้าของร้านไป

เรา : มิลล์อู่หลงนี่เป็นไงคะ เหมือนชานมหรอคะ?

เจ้าของร้าน : ไม่ช่ายยยย มันเป็นชาอู่หลง ที่เค้าเรียกมิลล์อู่หลงเพราะมันจะมีกลิ่นหอมละมุนมากๆ

ฟังไปชักเคลิ้ม สั่งเลยเอาตัวนี้แหละคะ 55555+

มาพร้อมเครื่องเคียงเป็นขนมไทย

(มีขนมกล้วย ขนมฝักทอง ขนมชั้น และข้าวต้มมัด)

รสชาติชาก็ปกตินะเราว่า แต่ที่พิเศษคือกลิ่นของมัน… หอมจริงๆ หอมมากๆ กลิ่มหอมหวานอ่อนๆ เหมือนกลิ่นนมแต่ไม่ได้มีรสชาติอะไรนะคะ มีแค่กลิ่น คือดด คือชอบมาก

กาน้ำชาสุดเลอค่า !!!

นั่งจิบชาไปสักพักเจ้าของร้านก็มานั่งคุยด้วย สรุปท่านเป็นอาจารย์อยู่ที่ มธ.ท่าพระจันทร์ อาจารย์ก็มานั่งเล่าเรื่องประวัติเรื่องชา ที่เป็นยังไง  แต่ที่พีคสุดคืออาจารย์เอากาน้ำชาออกมาโชว์ ฟังราคาแล้วแทบจะกอดไว้กลัวตกจริงๆ 5555+ สรุปคุยกันนานมากๆ จนดูเวลาก็จะมืดค่ำแล้วววว เลยขอตัวกลับก่อนดีกว่านะค้าาาาา

การเดินทางมาที่ถนนพระอาทิตย์ครั้งนี้ได้อะไรเยอะมากๆ นอกจากของกินอร่อยๆ ที่จะเพิ่มน้ำหนักให้เรา5555++ เรายังได้เจอกับคนที่ไม่รู้จักแต่คุยกันสนิทเหมือนญาติ เอ็นดูเราเหมือนลูกหลาน เล่านู่นนี่นั่นให้ฟังหลายๆ เรื่องที่เราไม่เคยได้รู้ มันเป็นเหมือนเปิดโลกใหม่ให้เราไปอีกแบบ และถ้าใครเล็งๆ ว่าจะมาหาของกินที่นี่ เราแนะนำเลยค่ะ รับรองว่าต้องติดมาแล้วมาอีกแน่นอนค่ะ

แหล่งที่มา : https://www.ryoiireview.com/

Leave a Reply